ว่ากันด้วยวิธีรักษาสิว หรือเคลียร์สิวที่ได้รับความนิยม มีทั้งการกดสิว และฉีดสิว ซึ่งคุณหมอจะไม่แนะนำให้ทำเองที่บ้าน เนื่องจากการบีบ กด หรือ เค้นหัวสิวด้วยตัวเองโดยที่ไม่รู้วิธีที่ถูกต้อง อาทิ ตำแหน่ง การลงน้ำหนัก และเครื่องมือที่สะอาด อาจทำให้สิวนั้นแย่กว่าเดิม เช่นเดียวกับการฉีดสิว ถ้าไม่ได้รับการดูแลโดยแพทย์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้วยปริมาณยาที่เหมาะสมก็อาจทำให้เกิดหลุมสิวได้เช่นกัน
ซึ่งตามหลักความจริงแล้วการกดสิวและฉีดสิว เป็นวิธีที่ใช้ในการรักษาสิวได้ทั้งคู่ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของสิว และประเภทของสิว ที่มีด้วยกัน 4 ประเภท
สิวผด : เม็ดเล็กจิ๋ว ชอบขึ้นหน้าผาก หรือ ไปทั่วใบหน้า
แนะนำ : ใช้ผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มความชุ่มชื่น และสครับผลัดเซลล์ผิวบ้าง
สิวอุดตัน : เม็ดใหญ่ไม่มีหัว กดไม่เจ็บ เพราะยังไม่อักเสบ มีหัวขาวกับหัวดำ
แนะนำ : ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ลดการอุดตันของรูขุมขน หรือปรึกษาคุณหมอ
สิวเสี้ยน : มีสีดำเล็กๆ ชอบขึ้นที่ปลายจมูก
แนะนำ : ใช้ผลิตภัณฑ์ลดการอุดตัน ควบคู่กับแผ่นลอกสิวเสี้ยน
สิวอักเสบ : ร้ายทีสุดก็สิวนี้แหละ เป็นสิวอักเสบ มีหัวเป็นหนอง
แนะนำ : ใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยลดการอักเสบของผิว หรือพบคุณหมอ
เมื่อเรารู้จักสิวแต่ละประเภทแล้ว ก็จะทำให้เราสามารถประเมินตัวเองได้เบื้องต้นถึงระดับความรุนแรงของสิว ว่าสิวแบบไหนต้องรักษาอย่างไร ถึงโดยทั่วไปถ้าไม่รุนแรงมาจะมี 2 วิธี ที่นิยมกัน คือ การกดสิว และการฉีดสิว
การกดสิว จะเลือกใช้ในการกำจัดสิวอุดตันหัวขาว (Closed Comedone) และหัวดำ (Opened Comedone) ซึ่งสามารถกำจัดด้วยการกดได้ก่อนที่จะเกิดการอักเสบ แต่การกดสิวควรมีการทายาละลายหัวสิวก่อน เพื่อให้หัวสิวนั้นกดออกโดยง่าย ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นและจุดด่างดำ และควรกดโดยผู้ที่มีความชำนาญ
ข้อดีของการกดสิว : สามารถกำจัดสิวอุดตันได้อย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับการกินยา และทายา ฉะนั้นทำให้ไม่เกิดการเเพ้ยา หรือผลข้างเคียง ช่วยให้สิวอักเสบที่มีหัวและหนองหายเร็วขึ้น และถ้าในกรณีที่ต้องการฉีดสิวที่เป็นหนองและมีหัว ถ้าไม่กดเอาหัวสิวออกก่อนฉีดสิว โอกาสสิวยุบจะน้อยกว่า 50%
ข้อเสียของการกดสิว : อาจทำให้เกิดการอักเสบ เป็นรอยแดง รอยดำถ้าทำโดยผู้ไม่มีความเชี่ยวชาญ
ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจว่า การฉีดสิวไม่สามารถใช้ได้กับสิวทุกประเภท โดยสิวที่สามารถใช้วิธีนี้ได้ก็คือสิวที่มีลักษณะบวมแดง ที่เมื่อใช้มือคลำหรือจับจะรู้สึกเป็นไตแข็งและเจ็บ สิวมีขนาดใหญ่หรือเล็กตามความรุนแรงของการอักเสบ หรือเป็นพวกสิวซีสต์และสิวหัวแข็งขนาดใหญ่ ส่วนตัวยาที่ใช้ก็คือสเตียรอยด์และยาชานั่นเอง
การฉีดสิวจะช่วยให้สิวยุบตัวลงภายใน 24-48 ชั่วโมง แต่ก็เป็นเพียงแค่การลดอาการอักเสบเท่านั้น โดยจะช่วยลดขนาดหรือลดอาการบวมแดง และทำให้รู้สึกเจ็บสิวน้อยลง ไม่ได้ช่วยรักษาสิวให้หายขาด เนื่องจากไม่ใช่การฆ่าเชื้อโรคที่ทำให้เกิดสิว ดังนั้นสิวจึงจะไม่หายสนิท แต่ข้อดีก็คือจะช่วยให้ไม่เกิดอาการคันจนต้องเกา เท่ากับเป็นการช่วยลดโอกาสต่อการติดเชื้อเพิ่มจากแบคทีเรียที่อาจจะติดตามเล็บขณะเกา ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้อาจจะทำให้เกิดสิวขึ้นซ้ำที่จุดเดิมหรือจุดใกล้เคียงได้อีกนั่นเอง
สำหรับใครที่เป็นสิวหัวสีขาวหรือสิวเม็ดข้าวสารนั้นไม่ควรฉีดอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะไม่หายแล้วยังจะทำให้หน้าเป็นหลุม เนื้อหาย และผิวหน้าไม่เรียบเนียนอีกด้วย
การฉีดสิวด้วยสเตียรอยด์จะทำให้เกิดผลข้างเคียงหรือเป็นอันตรายต่อผู้ที่มีประวัติแพ้ยาไตรแอมซินิโลน ผู้ที่เป็นวัณโรค โรคสะเก็ดเงินชนิดมีผื่นหนาหรือชนิดมีตุ่มหนอง โรคเบาหวาน ภาวะหัวใจวาย โรคความดันโลหิตสูง โรคแผลในกระเพาะอาหาร หรือโรคซึมเศร้า ดังนั้นบุคคลที่เป็นโรคดังที่กล่าวมาจะต้องหลีกเลี่ยงการฉีดสิว แม้ว่าการฉีดสิวจะทำให้สิวยุบเร็ว แต่การใช้ยาฉีดมากเกินไปก็อาจทำให้หน้าเป็นหลุมสิว หรือถ้าน้อยเกินไปก็จะทำให้การรักษานั้นไม่ได้ผลได้ จึงต้องศึกษาข้อมูลและปรึกษาแพทย์โดยละเอียดก่อนทำการฉีดทุกครั้งนะคะ